Wednesday, March 11, 2020

ปริศนาแห่งพญางูขนนก






หนึ่งในความลี้ลับ ของอารยธรรมในอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ คือตำนานของ จอมเทพเควตซัลโคอาทล์ (Quetzalcoatl)

จอมเทพองค์นี้มีผู้วิเคราะห์กันไปต่างๆ ทั้งในหมู่ของนักโบราณคดี นักวิชาการหลายสาขาที่สนใจเรื่องลี้ลับ นักเทวศาสตร์ หรือแม้แต่สาวก UFO ครับ

โดยในแง่ของสาวก UFO นั้น เชื่อกันว่า ตัวตนที่แท้จริงของพระองค์ คือ มนุษย์ต่างดาว เนื่องจากทรงสั่งสอนให้บรรพชนในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ มีความรู้ที่ล้ำหน้าเกินระดับสติปัญญาของพวกเขา และล้วนเป็นความรู้ที่ไม่มีหลักฐานของการพัฒนาโดยพวกเขาเอง หรือการได้รับมาจากอารยธรรมอื่น เช่น ในด้านคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์




นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงมีเทพอาวุธที่ “เปลี่ยนภูเขาให้กลายเป็นหุบเขา และเจาะภูเขาให้มีสายน้ำไหลออกมาได้

ซึ่งนักวิเคราะห์สายนี้คิดว่า มันคืออาวุธเลเซอร์ หรือระเบิดของผู้มาเยือนจากกาแลคซีอื่นครับ

ในตำนานยังกล่าวด้วยว่า เมื่อพระองค์เสด็จจากไปนั้น ได้เสด็จไปโดย “เรือขนนก” ซึ่งหมายความว่าเป็นอากาศยาน หรือพาหนะที่ล่องลอยไปในท้องฟ้า เนื่องจากขนนกเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้

ดังนั้น ตำนานของจอมเทพเควตซัลโคอาทล์ จึงเป็นตำนานของผู้ทรงภูมิปัญญาจากอวกาศ ที่มาสั่งสอนให้มนุษย์มีอารยธรรมนั่นเอง




ในขณะเดียวกัน นักค้นคว้าเรื่องลึกลับที่มองว่าพระองค์ไม่ได้มาจากดาวดวงไหน แต่คือ นักปราชญ์ที่มาจากอารยธรรมอันรุ่งโรจน์ ที่สูญหายไปในอดีตอันไกลโพ้น เช่น แอตแลนติส หรืออาณาจักรลี้ลับอื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน

ก็ชี้ให้เห็นถึงความเหมือนกัน ของบรรดาสิ่งก่อสร้างอันเก่าแก่หลายแห่ง ในอารยธรรมโบราณทั่วโลก ที่นักโบราณคดียังไม่อาจค้นคว้าหาคำตอบได้แน่ชัด ว่าล้วนแต่เป็นผลงานของทรงภูมิปัญญาจากอารยธรรมที่สาบสูญนี้ทั้งสิ้น

ซึ่งตัวอย่างหนึ่งก็คือ จอมเทพเควตซัลโคอาทล์นี่แหละครับ




และด้วยเหตุนี้ จึงมีการเชื่อมโยงพระองค์ เข้ากับ จอมเทพโอสิริส (Osiris) แห่งอียิปต์โบราณ ซึ่งก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของนักปราชญ์ ที่มาจากอารยธรรมอันสาบสูญนั้นเช่นกัน

หลายคนที่ศึกษาเทววิทยาอเมริกากลาง พากันวิเราะห์ว่า ลัทธิของจอมเทพเควตซัลโคอาทล์ มีองค์ประกอบหลายอย่าง ที่สอดคล้องกันดี กับตำนานจอมเทพโอสิริส จนหลายๆ คน อยากจะสรุปว่า เป็นเทพองค์เดียวกันด้วยซ้ำ

ปัญหาก็คือ ระยะเวลาที่ห่างกันมาก ระหว่างยุครุ่งเรืองของลัทธิโอสิเรียนในอียิปต์ กับร่องรอยที่เก่าที่สุด ของลัทธิการบูชาจอมเทพเควตซัลโคอาทล์ในอเมริกากลางน่ะสิครับ

แล้วก็ไม่มีหลักฐานอื่นใดเลย ที่แสดงถึงการติดต่อสัมพันธ์กันของทวีปทั้งสอง

อย่างที่เคยเอ่ยอ้างกัน จากบรรดาโบราณสถานของชาวมายาและอัซเต็ค ที่ฝรั่งชอบเรียกว่า “พีระมิด” นั้น ทั้งหมดก็ล้วนเป็น “เทวาลัยบนฐานเป็นชั้น” (Temple on Step Base) เหมือนปราสาทหินรุ่นแรกๆ ของเขมร


Baksei Chamkrong Temple, Siem Reap, Cambodia

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแนวคิดทางสถาปัตยกรรม ลักษณะการใช้งาน และยุคสมัยที่สร้าง ล้วนใกล้เคียงกับเทวสถานรุ่นแรกๆ ของมายา มากกว่าพีระมิดของอียิปต์

ส่วนนักเทววิทยา และนักคติชนวิทยาที่มองความเชื่อมโยงระหว่างอารยธรรมในทวีปอเมริกากลาง-อเมริกาใต้ กับอารยธรรมเอเชียโบราณ โดยเฉพาะจีน ก็มองไปอีกอย่างครับ

อย่างแรกที่สุด ทั่วทั้งโลกนี้มีคติโบราณที่นับถืองูอยู่มากมายก็จริง อันนี้ไม่มีใครเถียง

แต่ “งูที่บินได้” หรือมังกรที่มีสถานะเป็นเทพเจ้านั้น มีอยู่เพียง 2 อารยธรรม คือ จอมเทพเควตซัลโคอาทล์ กับ พญามังกร ของจีนเท่านั้นครับ

ในขณะที่งูอื่นๆ ที่บินได้ ล้วนเป็นปีศาจและอสุรกาย คือ พญางูอโปพิส (Apophis) ของอียิปต์ และ จอมอสุรีเอคิดนา (Echidna/Έχιδνα) ของกรีก

จอมเทพเควตซัลโคอาทล์ กับพญามังกรของจีน มีลักษณะพื้นฐานที่เกือบจะเหมือนกัน คือเหาะเหินเดินอากาศได้โดยไม่ต้องมีปีก (แม้ว่าศิลปินสมัยนี้จะชอบวาดจอมเทพเควตซัลโคอาทล์ให้เป็นพญางูขนนกที่มีปีกก็ตาม)

ทั้งสองยังเป็นพญามังกรผู้นำความอุดมสมบูรณ์มาให้ เป็นผู้ครองทั้งธาตุลมและฝน และทั้งสองก็มีอิทธิฤทธิ์อันร้ายแรง เกรี้ยวกราด เหมือนกันอีกด้วย




อีกทั้งยังผูกพันใกล้ชิดกับสถาบันกษัตริย์ ดังเช่น จอมเทพเควตซัลโคอาทล์ที่ผูกพันกับกษัตริย์ในตำนานยุคแรกๆ ของตอลเต็ค (Toltec)  ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นธารของลัทธิศาสนาที่บูชาพระองค์ เช่นเดียวกับพญามังกรที่ผูกพันกับสถาบันกษัตริย์ของจีน

ดังนั้นจึงมีผู้สันนิษฐานว่า จอมเทพเควตซัลโคอาทล์น่าจะเป็นพญามังกรของจีน ซึ่งย่อมจะแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้

และด้วยเหตุผลนั้น รูปภาพของพระองค์ที่เป็นพญางูขนนก จึงได้รับความนิยมมากกว่ารูปมนุษย์อย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับพญามังกรของจีน ที่ปรากฏในรูปมนุษย์ หรือ ราชันย์มังกร (龍王) ในปริมาณที่น้อยมาก

สิ่งนี้ยืนยันโดยหลักฐานทางอ้อม คือความเหมือนกันทางศิลปวัฒนธรรมหลายๆ อย่าง ของชาวอเมริกากลาง-อเมริกาใต้กับจีนโบราณ แม้แต่สิ่งก่อสร้างบางอย่าง ก็มีพื้นฐานมาจากแนวความคิดที่เหมือนกัน ทั้งที่อยู่กันคนละซีกโลก

เรือขนนก ที่จอมเทพเควตซัลโคอาทล์ทรงใช้เป็นพาหนะนั้น ก็มิใช่อะไรอื่นนอกจาก ยานวิเศษ ที่คนจีนรู้จักกันมาแต่โบราณ โดยเรียกกันในภาษาจีนว่า “ยานเหาะ” หรือ เฟยจี (飛機) 




คำคำนี้เป็นที่รู้จักกันดีในตำนานโบราณของชาวจีนครับ ดังปรากฏว่าเมื่อพวกเขาได้พบเห็นเครื่องบินเป็นครั้งแรก ก็สามารถนำคำโบราณนี้มาเรียกมันได้ทันที ในขณะเดียวกับที่ชาวตะวันตกซึ่งเป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องบินขึ้นมา ก็ยังต้องคิดคำศัพท์ใหม่เพื่อใช้กับมัน

เทคโนโลยีการบินในตำนานจีนโบราณนี้ ชนชาติเพื่อนบ้าน คือ อินเดีย ก็มีใช้เช่นกัน และเรียกว่า “วิมาน” (Vimana)

ปริศนาทั้งหมดนี้ ยังคงเป็นสิ่งที่ถกเถียงกันโดยไม่มีข้อยุติ

ตราบใดที่ทิพยภาวะ (Divinity) ของเทพเจ้า ยังเป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ครับ

...................................


หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด

No comments:

Post a Comment