Friday, March 6, 2020

เทวสถานอัซเต็ค






ปราสาทหินแบบอัซเต็ค มีโครงสร้างทั่วไปเหมือนเทวาลัยบนฐานเป็นชั้นของชาวมายา โดนเฉพาะที่เมือง ชิเชน อิตซา (Chichén Itzá) จะคล้ายกันมากที่สุดครับ

แต่เทวสถานทั้งหมด ภายใน กรุงเตนอชติทลัน (Tenochtitlán) อดีตศูนย์กลางแห่งจักรวรรดิอัซเต็ค ถูกชาวสเปนสั่งรื้อ อย่างกะจะให้สิ้นซากทั้งหลัง ทุกหลัง

หากแต่ในทางปฏิบัติ ก็มักจะเหลือฐานชั้นล่างๆ กันไว้ละครับ เพราะพวกอัซเต็คทำฐานไว้แน่นมาก

เมื่อรื้อได้แค่นั้น ก็ถมดินทับ สร้างโบสถ์และอาคารบ้านเรือน ตลอดจนถนนหนทางไว้ข้างบน




พอเกิดแผ่นดินไหว หรือต้องมีการขุดดินครั้งใหญ่เพื่อวางระบบสาธารณูปโภค ก็จะเจอโบราณสถานกระจัดกระจายอยู่ทั่วเมือง

ซากเทวสถานเหล่านี้ บางแห่งก็ขุดเปิดออกมาบูรณะ และจัดแสดงเป็นพื้นที่โบราณสถานได้ ถ้าไม่มีอาคารสำคัญ หรือตึกรามบ้านช่องอยู่ข้างบน

ตัวอย่างเช่น มหาปราสาทแห่งเตนอชติทลัน ซึ่งทุกวันนี้ อยู่ในพื้นที่ของศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์เม็กซิโก ในกรุงเม็กซิโกซิตี้ครับ




เทวสถานแห่งนี้ นิยมเรียกกันเป็นภาษาสเปนว่า เตมโปล มาโยร์ (Templo Mayor) สร้างขึ้นเพื่อบูชาองค์ สุริยเทพฮวิตซิโลปอชทลิ (Huitzilopochtli) ซึ่งทรงเป็นเทพแห่งสงคราม ผุ้อุปถัมภ์นครเตนอชติทลัน และ วรุณเทพทลาลอค (Tlaloc) เทพแห่งฝนและการเกษตร

รูปแบบทางสถาปัตยกรรมของมหาปราสาทแห่งนี้ คือมีฐานสูงเป็นชั้นๆ เช่นเดียวกับเทวสถานอัซเต็คทั่วไป แต่ชั้นบนสุดมีอาคาร หรือหอเทวาลัย 2 หลัง หลังหนึ่งเป็นของสุริยเทพฮวิตซิโลปอชทลิ อีกหลังหนึ่งเป็นของวรุณเทพทลาลอค โดยมีบันไดทางขึ้นด้านหน้าแยกกัน ต่างจากเทวสถานทั้งปวงในอเมริกากลาง

นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า คงมีการประกอบพิธีกรรมอันสยดสยองที่นี่มากพอสมควรนะครับ เพราะนักบวชอัซเต็คมีทรรศนะว่า เทพทั้งสององค์นั้นโปรดการบูชายัญอย่างยิ่ง

ดังเช่นสุริยเทพฮวิตซิโลปอชทลินั้น แน่นอนว่าจะต้องมีการบูชายัญด้วยเชลยศึกจำนวนมาก ณ มหาเทวาลัยแห่งนี้ ทุกครั้งที่อัซเต็คชนะการสู้รบ

ส่วนวรุณเทพทลาลอค โดยปกติจะมีการบูชายัญด้วยเด็กเล็ก เพื่อให้ทรงประทานพรสำหรับฤดูฝนที่จะมาถึง แต่เท่าที่มีหลักฐาน ก็เป็นพิธีกรรมที่ทำกันบนยอดเขาธรรมชาติ มากกว่าบนเทวสถาน

ภายหลังการพิชิตจักรวรรดิอัซเต็ค สเปนก็รื้อมหาปราสาทแห่งนี้ทิ้งในปีค.ศ.1521 จนเหลือเพียงชั้นฐาน ซึ่งปัจจุบันได้รับการอนุรักษ์ และเปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้




แต่ถ้าจะดูปราสาทหิน และสถาปัตยกรรมอัซเต็คแบบดีๆ เต็มๆ ก็ต้องไปดูที่ เตโอติวาคัน (Teotihuacan) เท่านั้นละครับ

ได้ดูทั้งสุริยเทวาลัย-จันทรเทวาลัย ของชาวเตโอติวาคันเดิม ที่ใหญ่โตมโหฬาร และกลุ่มเทวสถาน-อาคารบริวาร-พระราชวังแบบอัซเต็ค ที่วางผังกันอย่างยอดเยี่ยม




โดยเฉพาะปราสาทหินที่งามที่สุด ในศิลปะอัซเต็ค เพียงแห่งเดียวที่เหลือรอดมาถึงปัจจุบัน คือ เทวสถานของจอมเทพเควตซัลโคอาทล์ (Quetzalcoatl) ซึ่งนิยมเรียกกันในภาษาอังกฤษว่า Temple of the Feathered Serpent

เทวาลัยแห่งนี้ สร้างขึ้นราวๆ ปีค.ศ.1150-1200 ลักษณะพิเศษคือฐานแต่ละชั้นมีการตกแต่งด้วยเศียรพญางูขนนกขององค์จอมเทพ สลับกับหน้ากากของวรุณเทพทลาลอคอย่างงดงาม ไม่ซ้ำแบบใคร




ในการขุดแต่งโบราณสถานแห่งนี้เมื่อปีค.ศ.1980 ได้พบโครงกระดูกมนุษย์มากกว่าร้อยโครงฝังอยู่ใต้ชั้นฐาน จนเป็น Talk of The Town ของประชาชนเม็กซิกันที่ได้รับรู้ข่าวนี้ครับ

ตอนแรก นักโบราณคดีก็คิดกันว่าคงเป็นเหยื่อบูชายัญ แต่เนื่องจากองค์จอมเทพนั้นไม่โปรดการบูชายัญด้วยชีวิตมนุษย์ และชาวอัซเต็คก็ไม่มีธรรมเนียมที่จะฝังเหยื่อบูชายัญไว้ใต้เทวสถาน

จึงเป็นไปได้ว่า โครงกระดูกเหล่านี้น่าจะเป็นของผู้ศรัทธา และเต็มใจพลีชีพเพื่อจะได้ฝังร่างไว้ใต้ฐานรากของปราสาท เพื่อวิญญาณของพวกเขาจะได้ใกล้ชิดกับองค์จอมเทพ

หรือเพื่อความมั่นใจว่า จะได้เกิดใหม่ในยุคที่พระองค์เสด็จกลับมา ก็เป็นได้ 




และปัจจุบัน ที่นี่ยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ของลัทธิบูชาจอมเทพเควตซัลโคอาทล์ ซึ่งได้รับการฟื้นฟูขึ้นใหม่ ในยุคของพวกเรานี้ด้วยนะครับ

เป็นที่ที่นักเทวศาสตร์อัซเต็ครุ่นใหม่ ใช้สื่อพลังกับพระองค์อย่างได้ผล แม้ทางการเม็กซิกันจะไม่ยอมรับก็ตาม

...................................


หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด

No comments:

Post a Comment