Thursday, March 19, 2020

ปาฎิหาริย์ของพญางูขนนก






ใครติดตาม Facebook ของผมมานาน จะจำได้ว่า ช่วงหนึ่งผมเคยโพสต์-แชร์ เกี่ยวกับลัทธิศาสนา และอารยธรรมอัซเต็ค (Aztec) และมายา (Maya) ในทวีปอเมริกากลาง กับ อินคา (Inca) ในอเมริกาใต้ อยู่นานเป็นปีเลยละครับ

เพราะเป็นช่วงที่กลุ่ม pagan ในเม็กซิโก กำลังรณรงค์ฟื้นฟูศาสนาและวัฒนธรรมอัซเต็คเป็นการใหญ่

ซึ่งก็คือ ลัทธิศาสนาของ จอมเทพเควตซัลโคอาทล์ (Quetzalcoatl)

พระองค์ทรงเป็นเทพที่ลึกลับ และกำลังมาแรงในระดับโลก เพราะขณะที่ทรงมีเทวตำนานที่เกือบจะเหมือนกับ จอมเทพโอสิริส (Osiris) แห่งอียิปต์

พระองค์ก็ทรงมีนิรมาณกายเป็นพญามังกร คล้ายกับที่นับถือกันในแผ่นดินจีนโบราณ คือเป็นมังกรที่เหาะเหินเดินอากาศได้ โดยไม่ต้องมีปีกอย่างมังกรของยุโรป

ที่สำคัญ แม้แต่ตัวผมเองก็ได้ประจักษ์มาแล้ว ถึงบารมี และอิทธิปาฎิหาริย์ของพระองค์

จนไม่แปลกใจเลยครับ ที่บรรดา pagan ทั้งที่เป็นคนเม็กซิกันรุ่นใหม่ๆ จนถึงฝรั่งตะวันตก ต่างก็ยอมรับนับถือพระองค์ ในระดับที่ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ




เรื่องมีอยู่ว่า ในช่วงต้นปี 1986 ระหว่างที่ผมกำลังศึกษาเทวศาสตร์ไอยคุปต์อยู่ที่ The Royal Institute of Arts (RIA Thailand) Dr.Emily Brett ผู้สอนวิชาดังกล่าว ได้เชิญ Dr.Carlos Alvarez ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนศาสตร์อเมริกากลาง ไปบรรยายสั้นๆ และได้รับความสนใจมาก

ปลายปีนั้น ดร.อัลวาเรซจึงกลับไปทำเวิร์คช็อปที่ RIA พร้อมด้วยเทวรูปจอมเทพเควตซัลโคอาทล์ และเทพอัซเต็คที่สำคัญอีกหลายองค์ รวมทั้งเครื่องมือประกอบพิธีอย่างเต็มอัตรา

ตอนนั้น ผมกับเพื่อนๆ ที่เป็นลูกศิษย์ของดร.เอมิลี มีความสามารถที่จะ “สื่อ” กับเทพอียิปต์กันได้บ้างแล้ว

ก็ยังคุยกันอยู่ว่า แล้วกับจอมเทพเควตซัลโคอาทล์ ซึ่งพวกผมรู้จักน้อยกว่าเทพอียิปต์หลายเท่า โองการอัญเชิญที่เป็นภาษานาวาทล์ (Nahuatl) ก็อ่านกันผิดๆ ถูกๆ แล้วจะสัมผัสรู้เห็นอะไรกันได้มากน้อยแค่ไหน

ลงท้ายก็เลยไม่มีใครหวังอะไร จากเวิร์คช็อปครั้งนั้น

แต่ทุกอย่างมันเหนือความคาดหมายจริงๆ ครับ

เรียกว่า เหลือเชื่อที่สุดเลยดีกว่า

เพราะจอมเทพเควตซัลโคอาทล์ เสด็จมาให้ทุกคนได้เห็นกันด้วย “ตาเนื้อ” เลยครับ

ไม่ใช่ด้วย “สมาธิ

พระองค์ปรากฏอย่างค่อนข้างชัด เป็นเวลานานกว่าอึดใจ ในห้องที่ปิดไฟเกือบจะมืดสนิท เหนือแท่นบูชาของพระองค์ ที่พอจะมองเห็นได้จากตะเกียงดินเผาสองข้างของเทวรูป

และทิพยรูปนั้น ก็เหมือน พญางูขนนก ที่เป็นประติมานวิทยาของพระองค์ ในศิลปะอัซเต็คนั่นแหละครับ




เพียงแต่เคลื่อนไหวได้ และมีพลังกดดัน ที่ทำเอาพวกผมแทบจะกลายเป็นหินกันไปหมด

ทั้งน่าสะพรึงกลัว ทั้งสุขุม ปะปนกันอย่างบอกไม่ถูกครับ

เป็นกระแสที่ชัดเจนว่า คือเทพชั้นสูง แต่ไม่เหมือนเทพในลัทธิศาสนาอื่นใดทั้งสิ้น

ตอนนั้น ดร.อัลวาเรซมีเทวรูปเล็กๆ และเครื่องรางของพระองค์ไปขายด้วยนะครับ แต่ผมไม่มีเงินเลยไม่ได้ซื้อ ยังเสียดายมาจนทุกวันนี้

เมื่อผมเผยแพร่เทววิทยาไวกิ้ง กรีก-โรมัน รวมถึงอียิปต์โบราณด้วยใน facebook เห็นว่าไหนๆ จอมเทพเควตซัลโคอาทล์ก็ทรงเป็นเทพที่มีจริง และเป็นเทพอีกวงศ์หนึ่งที่อยู่ในกระแสโลกเช่นกัน จึงคิดจะต่อยอดความรู้ทางเทววิทยาของเพื่อนๆ ชาวเฟซ ไม่ให้ตกเทรนด์

แต่ก็ต้องเลิกล้มไปในที่สุด เพราะได้รับความสนใจน้อยมาก ไม่คุ้มค่ากับการที่ต้องเสียเวลา-สุขภาพในการโพสต์ครับ

แต่แม้ผมจะไม่ประสบความสำเร็จ ในการเผยแพร่เรื่องราวของพระองค์อิทธิปาฎิหาริย์ของพระองค์ก็ยังคงมีให้ผมสัมผัสอยู่

กลางปี 2009 คืนหนึ่งผมกำลังป่วย เห็นนักรบอัซเต็คกลุ่มหนึ่ง นำโดยชายหนุ่มที่งามสง่า แต่งกายแบบจักรพรรดิ

ชายหนุ่มผู้นั้น ก้าวออกมาเบื้องหน้า มองตรงมาที่ผม ยกมือขวาขึ้นเป็นสัญญาณอะไรสักอย่าง

ผมเห็นภาพนิมิตดังกล่าวอยู่นานหลายนาที ก่อนจะเลือนหายไป




ทีแรกผมนึกว่า เป็น จักรพรรดิควาอูฮ์เตมอค (Cuauhtémoc) อดีตผู้นำอัซเต็ค ในยุคที่ถูกสเปนทำลายล้างอารยธรรม และเป็นวีรบุรุษที่ผมสนใจอยู่


ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็หมายความว่า ผมเพียงแค่เพ้อไปเองด้วยพิษไข้ เท่านั้นแหละครับ

แต่ภายหลัง นึกทบทวนจากกระแสทิพย์ที่สัมผัสได้ จึงแน่ใจว่า เป็นแบบเดียวกันกับองค์จอมเทพเควตซัลโคอาทล์ ที่ไม่ได้พบเห็นมานานกว่า 30 ปี

เทพมังกรโบราณ จากอารยธรรมที่ล่มสลายไปแล้ว ย่อมน่ากลัวนะครับ สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย

แต่คืนนั้น ผมเห็นแต่ความเมตตาครับ




ภาพข้างบนนี้ เป็นภาพจอมเทพในรูปมนุษย์ ซึ่งหาดูได้ยาก เพราะไม่เป็นที่นิยมวาดกันแพร่หลาย

แต่ถึงแม้จะเป็นจินตนาการของศิลปินร่วมสมัย แต่สำหรับตัวผมเองที่เคยสัมผัสพลังทิพย์ของพระองค์มาแล้ว ยอมรับเลยว่า ภาพนี้คล้ายกับทิพยรูปของพระองค์ ในบางมุมมองมากทีเดียว

...................................

หมายเหตุ 1 : The Royal Institute of Arts (RIA Thailand) เป็นสถาบันแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมไทย-ตะวันตก ก่อตั้งโดยเอกชน เลิกกิจการไปในปี 1990

หมายเหตุ 2 : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด

No comments:

Post a Comment