Saturday, March 7, 2020

อวสานของจักรวรรดิอินคา






ฟรันซิสโก ปีซาร์โร (Francisco Pizarro) เป็นนักสำรวจที่มีประสบการณ์สูง แม้จะเกิดมาในครอบครัวของคนเลี้ยงหมู แต่ก็สร้างเครดิตจากการเข้าร่วมคณะสำรวจของรัฐบาลสเปน  เดินทางไปยังโคลัมเบีย และมหาสมุทรแปซิฟิก

หลังจากได้ยินคำเล่าลือ เกี่ยวกับความมั่งคั่งของอเมริกาใต้ เขาจึงได้จัดตั้งคณะสำรวจของตัวเอง ออกเดินทางจากปานามาในอเมริกากลาง ไปยังชายฝั่งตะวันตกของอเมริกาใต้ เมื่อกลับไปปานามา จึงได้เสนอแผนการยึดครองอเมริกาใต้ แต่ถูกรัฐบาลปฏิเสธ

ปิซาร์โรจึงต้องกลับไปสเปน เพื่อขอความอนุเคราะห์จาก จักรพรรดิคาร์ลที่ 5 พอดีกับที่ เอร์นัน กอร์เตซ (Hernán Cortéz) เพิ่งพิชิตจักรวรรดิอัซเต็คได้สำเร็จ และนำความมั่งคั่งอย่างมากมายสู่สเปน จักรพรรดิคาร์ลจึงทรงอนุญาตให้เขานำคณะสำรวจ และกองทหารไปยึดครองดินแดนในทวีปอเมริกาใต้ได้

ในปีค.ศ.1531 เรือของปิซาร์โรก็เดินทางถึงดินแดนซึ่งทุกวันนี้อยู่ในรัฐทูมเบส (Tumbes) ของเปรู เขานำคณะสำรวจ กองทหารม้า 63 นาย และทหารราบ 180 นาย เดินทางไปยังเทือกเขาแอนดีส จนถึง นครคาชามาร์คา (Cajamarca) แห่งจักรวรรดิอินคา ในวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ.1532 




ซึ่งขณะนั้น องค์ จักรพรรดิอตาฮวลปา (Atahualpa) แห่งอินคากำลังประทับพักผ่อนที่บ่อน้ำร้อน หลังจากที่เพิ่งทรงนำกองกำลังทหารกว่า 30,000 นายชนะศึกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิอินคา และเตรียมจะกลับไปยังคูซโค เพื่อปราบปราม เจ้าชายฮัวสคาร์ (Huascar) พระเชษฐาต่างมารดา ซึ่งฉวยโอกาสที่พระองค์ไม่อยู่ ก่อกบฏยึดอำนาจเอาไว้


ปิซาร์โรจึงคิดแผนการอันชั่วร้ายขึ้น และทูลเชิญองค์จักรพรรดิอตาฮวลปาให้เสด็จเข้าร่วมร่วมงานเลี้ยง ที่เขาจะจัดขึ้น ณ จัตุรัสคาชามาร์คา เพื่อเจริญสัมพันธไมตรี

องค์จักรพรรดิแห่งอินคาก็ทรงยินดีครับ

พระองค์ทรงมีพระดำริว่า ไม่มีอะไรจะต้องกลัว ถ้าหากกลุ่มคนผิวขาวไว้หนวดเคราที่มีกำลังแค่ไม่ถึง 300 คน จะคิดไม่ซื่อขึ้นมา

นั่นก็เพราะพระองค์ยังไม่เคยเห็นประสิทธิภาพของปืนใหญ่ ปืนคาบศิลา และดาบที่พวกเขานำมาด้วยไงครับ

แต่แท้จริงนั้น ปิซาร์โรได้วางแผนโจมตีไว้แล้ว เขาซ่อนปืนใหญ่ไว้อย่างแนบเนียน ในสถานที่ที่จะจัดงาน

และเมื่อองค์จักรพรรดิ ที่คุ้มกันโดยทหารรักษาพระองค์ 4,000 นายมาถึง เขาก็ให้บาทหลวงเข้าเฝ้ารับเสด็จ และทูลว่า จุดประสงค์ของการมาที่นี่ก็เพื่อเผยแพร่ศาสนาคริสต์แด่พระองค์และชาวอินคา

จักรพรรดิอตาฮวลปาได้สดับเช่นนั้น ก็ทรงกริ้ว และเขวี้ยงคัมภีร์ไบเบิลลงบนพื้น




ปิซาร์โรสั่งโจมตีทันที ทหารม้า 63 คน และทหารราบสเปน 180 คน เข่นฆ่าทหารอินคา 4,000 คนด้วยสรรพอาวุธ ซึ่งสร้างความตระหนกและสับสน แก่จักรพรรดิอตาฮวลปา และทหารอินคา จนองค์จักรพรรดิไม่มีโอกาส แม้แต่จะทรงมีพระบัญชาให้นักรบของพระองค์ทำสิ่งใดได้แม้สักอย่างเดียว

ผลคือ ภายในครึ่งชั่วโมง ทหารอินคาเกือบ 4,000 ศพ ตายเกลื่อนจัตุรัสคาชามาร์คา ในขณะที่ทหารสเปนไม่เสียชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว




จักรพรรดิอตาฮวลปาถูกจับกุมอย่างง่ายดาย และคุมขังไว้ในจวนของอดีตข้าหลวงอินคาแห่งคาชามาร์คา ซึ่งภายในนั้นมีทองคำ และอัญมณีเลอค่าอยู่จำนวนหนึ่ง

เมื่อเห็นว่า พวกสเปนสนใจสิ่งเหล่านั้น จักรพรรดิอตาฮวลปาจึงทรงเสนอทรัพย์สมบัติของจักรวรรดิอินคา แลกกับการไถ่พระองค์ ด้วยการเติมห้องขนาดยาว 25 ฟุต กว้าง 15 ฟุต สูง 5 ฟุตในพระราชวังที่คูซโค ให้เต็มด้วยทองคำ

ปิซาร์โรตาลุกวาวทันทีครับ

เขาจึงคุมองค์จักรพรรดิอตาอวลปา แสร้งทำเป็นเข้าร่วมกับพระองค์ นำกองทัพอินคากลับไปยึดเมืองคุซโคคืนจากเจ้าชายฮัวสคาร์ โดยทหารอินคาส่วนใหญ่ รวมทั้งขุนนางที่จงรักภักดี ไม่ทราบว่าพระองค์ได้กลายเป็นตัวประกันของชาวสเปนเสียแล้ว

เพราะเมื่อได้ราชบัลลังค์คืนแล้ว ปิซาร์โรก็ยินยอมให้องค์จักรพรรดิประทับในพระราชวังร่วมกับมเหสี โอรส-ธิดา และเสด็จไปบวงสรวงองค์สุริยเทพได้ เช่นเดียวกับทุกครั้งที่เสด็จกลับจากสงคราม

แต่เมื่อได้ทองคำตามที่ตกลงกันไว้แล้ว พวกสเปนก็ยังไม่มีทีท่าว่า จะถวายคืนพระราชอำนาจแต่อย่างใด




และในที่สุด ปิซาร์โรก็สั่งประหารจักรพรรดิอตาฮวลปา

วันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ.1533 จักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งจักรวรรดิอินคา ต้องทรงเลือกว่าจะสิ้นพระชนม์ด้วยวิธีการเผาทั้งเป็น หรือ รัดพระศอด้วยปลอกเหล็ก ตามวิถีของชาวสเปน

ชาวอินคานั้นมีความเชื่ออยู่ว่า การรักษาศพคนตายไว้ให้สมบูรณ์ที่สุด จะทำให้วิญญาณกลับสู่ร่างเดิม และเกิดใหม่ได้ จักรพรรดิอตาอวลปาจึงทรงเลือกที่จะถูกปลอกเหล็กรัดพระศอ จนขาดอากาศหายใจ

พระชนม์ชีพของจักรพรรดิที่แท้จริงองค์สุดท้ายของอินคา ก็ถึงจุดจบ




แล้วปิซาร์โรจึงแต่งตั้ง เจ้าชายทูปัคฮวลปา (Tupakhualpa) พระอนุชาของฮัวสคาร์ ให้เป็นจักรพรรดิองค์ใหม่แห่งอินคา เพื่อเป็นหุ่นเชิด ให้ชาวอินคาเชื่อว่ายังคงถูกปกครองโดยชาวอินคาด้วยกันเองอยู่

จากนั้น ปิซาร์โรก็เดินหน้ารวบรวมทองคำ และทรัพย์สมบัติที่ยังเหลืออยู่ในท้องพระคลัง จนกระทั่ง เจ้าชายมันโค อินคา (Manco Inca) ทำรัฐประหาร โดยลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิทูปัคฮวลปา และปลุกระดมชาวอินคาให้ต่อต้านสเปน แต่ก็จบลงด้วยความปราชัยในที่สุด

ปิซาร์โรแต่งตั้งเจ้าชายองค์อื่นที่เหลืออยู่ เป็นจักรพรรดิหุ่นเชิด ปกครองจักรวรรดิอินคาภายใต้อำนาจของสเปนต่อไป และปราบปรามชาวอินคาที่เป็นเสี้ยนหนามจนหมดสิ้น

 เขาเดินหน้าพิชิตชนเผ่าต่างๆ ในอเมริกาใต้ต่อไป ด้วยความหวังว่า จะนำความมั่งคั่งร่ำรวยกลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอน และรับเกียรติยศอันสูงสุดในฐานะ ผู้ปกครองเขตอุปราชแห่งเปรู (Viceroyalty of Peru) 

แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้นหรอกครับ




เพราะเมื่อจัดแบ่งผลประโยชน์กันไม่ลงตัว ชาวสเปนก็สู้รบกันเอง จนเกิดสงครามกลางเมืองอย่างต่อเนื่องยาวนาน กระทั่งตัวปิซาร์โรเองถูกฆ่าตายในปีค.ศ.1541 ไม่มีโอกาสได้เป็นผู้ปกครองเขตอุปราชแห่งเปรูตามที่คาดหวัง

ส่วนในดินแดนที่เคยเป็นจักรวรรดิอินคาทั้งหมดนั้น สเปนก็จัดการทำลายวัฒนธรรม และศาสนาเดิม บังคับให้ชนพื้นเมืองเข้ารีต เช่นเดียวกับที่กระทำต่อชาวอัซเต็ค และอารยธรรมอื่นๆ ในทวีปอเมริกากลาง

ความเจริญรุ่งเรือง และความมั่งคั่งของจักรวรรดิอินคาในอดีตจึงสูญสิ้น เหลือเพียงตำนานที่เล่าขานกันอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น

...................................


หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด

No comments:

Post a Comment