Friday, February 28, 2020

จักรวรรดิอัซเต็ค ตอนที่ 2






สภาพสังคมของอัซเต็ค มีความซับซ้อน มีกษัตริย์และราชวงศ์อยู่ชนชั้นบนสุดของสังคม

แต่การสืบราชบัลลังก์ของอัซเต็ค มาจากการเลือกตั้งครับ ไม่ใช่การสืบราขสันตติวงศ์

และอำนาจการเลือกตั้งนั้น อยู่ในมือของสภาขุนนาง ซึ่งมีทั้งนักชวชชั้นสูง ขุนนาง นักรบ และราชวงศ์

สภาจะทำการปรึกษากับสองพันธมิตร คือเต็กซ์โคโคและทลาโคปัน แล้วเลือกบุคคลที่เมาะสมที่สุด แต่ก็มักจะเป็นสมาชิกในราชวงศ์ของกษัตริย์พระองค์ก่อน

ชนชั้นต่อมาคือ ขุนนาง ข้าราชการ นักรบ คนกลุ่มนี้มีฐานะมั่งคั่ง เพราะได้รับค่าตอบแทนจากกษัตริย์ ทั้งรายได้จากที่ดินหลวงที่กษัตริย์จัดสรรให้ และสืบทอดทรัพย์สมบัติไปยังลูกหลาน

อีกกลุ่มหนึ่ง คือ นักบวช ซึ่งต้องครองพรหมจรรย์ และมีความรู้สูง เป็นผู้มีอำนาจพิเศษในการติดต่อกับเทพเจ้า จึงได้รับการนับถือจากคนทุกชั้นรรณะ




พวกเขาได้สร้างปฏิทิน 2 แบบ โดยการศึกษาดวงอาทิตย์ ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ แบบแรกคือปฏิทินการเกษตร ซึ่งทำนายเวลาแห่งการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยว

อีกแบบคือ ปฏิทินทางศาสนา ที่กำหนดเวลาสำหรับทำพิธีกรรมสาธารณะมากมายในแต่ละปี

พ่อค้า เป็นอีกชนชั้นหนึ่งที่ร่ำรวย แต่ไม่เหมือนพ่อค้าของชนชาติอื่นๆ เนื่องจาdเมื่อพวกเขาไปค้าขายยังเมืองต่างๆ พวกเขาจะทำหน้าที่สอดแนม จัดหาข้อมูลทางทหารแก่กองทัพอัซเต็คด้วยครับ




ชนชั้นล่างของสังคม ได้แก่ ช่างฝีมือ คนงาน และชาวนา

โดยทั่วไป กลุ่มช่างจะมีสถานะเหนือกว่าชาวนา เพราะต้องทำหน้าที่ในการก่อสร้างเทวสถาน พระราชวัง สถานที่ราชการ อาคารสาธารณะ ตลอดจนบ้านเรือนประชาชนทั่วไป

มีหลักฐานว่า ช่างฝีมืออัซเต็คสามารถจัดตั้งสมาคมของพวกตนได้ โดยมีอำนาจต่อรองกับขุนนาง ข้าราชการ ทหาร และแม้กระทั่งนักบวชอยู่ไม่น้อย

ส่วนชาวนาอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นชุมชน มีที่ดินร่วมกัน และช่วยกันเพาะปลูกบนเสวนลอย รวมทั้งบนแผ่นดินใกล้เคียงเท่าที่พอจะทำการเกษตรได้ และก็อาจถูกเกณฑ์ไปเป็นแรงงานหลวง หรือไม่ก็เข้ากองทัพด้วย

ทาส เป็นชนชั้นต่ำสุด ได้มาจากเชลยศึกในระดับที่เป็นพลเมือง ของชนชาติที่แพ้สงคราม

แต่ความเป็นทาสของอัซเต็ค ไม่สืบต่อถึงลูกหลานนะครับ ลูกของทาสเมื่อโตแล้วก็แสวงหาอาชีพได้ตามถนัด และเท่ากับเป็นประชากรอัซเต็คคนหนึ่ง




ชาวอัซเต็คมีระบบการเขียนที่ใช้ภาพและสัญลักษณ์ เพื่อแทนคำพูดและความคิด เช่นเดียวกับชาวมายา หนังสืออัซเต็คแต่ละเล่ม เต็มไปด้วยภาพที่มีสีสัน อธิบายรายละเอียดในชีวิตประจำวันในสังคมอัซเต็ค  นักประวัติศาสตร์ได้เรียนรู้เรื่องรา วเป็นอันมากเกี่ยวแก่ชาวอัซเต็ค จากบันทึกเหล่านี้

ประมาณต้นคริสตศตวรรษที่15 อิทธิพลของอัซเต็ค ทอดยาวจากอ่าวเม็กซิโกไปถึงชายฝั่งด้านมหาสมุทรแปซิฟิก และจากที่ราบสูงแห่งเม็กซิโก ไปจนถึงกัวเตมาลา มีผู้คนที่อาศัยอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิแห่งนี้มากถึง 12 ล้านคน

แต่พอถึงช่วงปลายคริสตศตวรรษที่ 15 นั้นเอง อิทธิพลของกรุงเตนอชติทลันก็ค่อยๆ อ่อนแอลง จากการกบฏของกลุ่มประเทศราช ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จนส่งผลให้จักรพรรดิหลายพระองค์ รวมถึงจักรพรรดิองค์ที่ 8 คือ จักรพรรดิอวิตโซทล์ (Ahuitzotl ครองราชย์ ค.ศ.1486–1502) ต้องทรงพึ่งอำนาจของขุนนาง และกองทัพจากพันธมิตรในการปราบปราม




จึงเป็นเหตุให้กลุ่มพันธมิตร มีอิทธิพลที่แข็งแกร่งขึ้น และครอบงำสถาบันกษัตริย์แห่งเตนอชติทลัน โดยผ่านขุนนางที่พวกตนหนุนหลัง จักรพรรดิอวิตโซทล์ และอีกหลายพระองค์ก่อนหน้า ทรงมีพระราชอำนาจแต่ในนาม แท้จริงทรงเปรียบเสมือนหุ่นเชิดของกลุ่มพันธมิตรและขุนนางเท่านั้น

เมื่อจักรพรรดิอวิตโซทล์สวรรคตในปีค.ศ.1502 จักรพรรดิมอคเตซูมาที่ 2 (Moctezuma II) พระราชนัดดาขึ้นสืบราชบัลลังก์ เป็นจักรพรรดิองค์ที่ 9 พระองค์จึงทรงเริ่มการปฏิรูป เพื่อรวบอำนาจการปกครองกลับคืนสู่สถาบันกษัตริย์อีกครั้ง

แต่วิธีการปฏิรูปการเมืองการปกครองของพระองค์ กลับกลายเป็นการสร้างศัตรู และทำให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายมากยิ่งขึ้น

เช่น การที่พระองค์ทรงมีพระราชโองการ ให้ประหารชีวิตคณะที่ปรึกษาของจักรพรรดิอวิตโซทล์ไปหลายคน และที่เหลือยู่ก็ปลดออกทั้งหมด ทำให้กลุ่มพันธมิตร และชนชั้นสูง รวมทั้งนักบวชที่หนุนหลังขุนนางเหล่านั้นไม่พอใจ

อึกทั้งการที่ทรงปิดกั้น ไม่ให้สามัญชนที่รับราชการมีโอกาสเลื่อนฐานะขึ้นเป็นขุนนาง เพื่อลดอิทธิพลของขุนนางที่จะมาลิดรอนพระราชอำนาจ ก็มีผลทำให้สถาบันขุนนางสั่นคลอน และข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริต มองไม่เห็นความก้าวหน้าของตน ในการที่จะรับใช้สถาบันกษัตริย์

และเมื่อทรงได้รับตำแนะนำผิดๆ จากพวกนักบวชว่า ความวุ่นวายายในพระราชอาณาจักรนั้น เป็นสัญลักษณ์ของวันสิ้นโลก ที่กำลังใกล้เข้ามาทุกที ซึ่งจะแก้ไขได้ ก็ด้วยการถวายเครื่องสังเวยมากขึ้น เพื่อให้เทพเจ้าพอพระทัย




ก็ทรงทำให้ประเทศราชของพระองค์โกรธแค้น ด้วยการเรียกร้องเครื่องราชบรรณากร และเหยื่อบูชายัญมนุษย์เพิ่มมากขึ้น

จนบรรดาเมืองต่างๆ รอบๆ กรุงเตนอชติทลัน เริ่มก่อกบฏมากยิ่งขึ้นทุกทีครับ

...................................


หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด

No comments:

Post a Comment