Monday, February 24, 2020

เทวสถานมายา






นครสำคัญที่ชาวมายาถือว่า เป็นศูนย์กลางการบริหาร และการประกอบพิธีกรรมทางศาสนานั้น มักจะมีการสร้างศาสนสถาน ในลักษณะของปราสาทหิน หรือเทวาลัยบนฐานเป็นชั้นเลียนแบบภูเขา

ปราสาทหินเหล่านี้ จะล้อมรอบด้วยอาคารบริวาร และแต่ละนครรัฐก็จะมีลักษณะการก่อสร้างและความงามที่เป็นแบบฉบับของตน ซึ่งหลายๆ แหเงก็ทำได้อย่างวิจิตรพิสดาร หรือมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมาก
         



ตัวอย่างเช่นที่ นครติกัล (Tikal) ในกัวเตมาลา มีการสร้างปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่โตมากไว้หลายแห่ง ซึ่งมีลักษณะพิเศษ คือฐานหลายชั้นทรงสูงชะลูด หอเทวาลัยที่อยู่ข้างบนเล็กและแคบ มีการตกแต่งเครื่องบนเป็นแผ่นหินสลักลายสูงขึ้นไป เพื่อให้รับกับรูปทรงของชั้นฐาน และมีบันไดทางขึ้นด้านหน้าที่ชันมาก

เทวสถานเหล่านี้ แห่งที่สูงที่สุด มีความสูงถึง 230 ฟุต นับว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกา ก่อนที่จะมีการก่อสร้างตึกระฟ้าแห่งแรกในกรุงนิวยอร์ค




ที่ นครปาเลงเคว (Palenque) ในเม็กซิโก มีตัวอย่างของปราสาทหินที่แปลกประหลาด เช่นที่เทวสถานแห่งคัมภีร์ หรือเทวสถานแห่งจารึก (Temple of Inscriptions) ซึ่งมีความสูงราวๆ 65 ฟุต ตัวอาคารชั้นบนมีช่องประตูทางเข้า 5 ช่อง และภายในตัวอาคารแบ่งเป็น 3 ห้อง มีการตกแต่งภายนอกภายใน และเสาหินของอาคารดังกล่าวด้วยอักษรภาพมากมาย โดยเฉพาะห้องกลางเพียงห้องเดียว มีอักษรภาพอยู่ถึง 240 คำ จนเป็นที่มาของชื่อที่เรียกขานกันในปัจจุบัน

ที่สำคัญคือ ภายในอาคารชั้นบนที่ว่านี้ ยังมีทางลงเข้าสู่ภายในฐานของเทวาลัย ลึกลงไปถึง 60 ฟุต ภายในนั้นมีห้องเก็บพระศพของกษ้ตริย์ที่ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่ง มีโลงหินซึ่งมีลวดลายแกะสลักบนฝาโลงงามประณีตมาก




ลวดลายดังกล่าวนี้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกครับ เพราะยังไม่แน่ใจกันว่ามีความหมายอย่างไร ผู้ชื่นชอบเรื่องมนุษย์ต่างดาวมักจะตีความตามแนวนอนของภาพว่าเป็นรูปกษัตริย์มายากำลังขับยานอวกาศ แต่เราก็ไม่พบอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ร่วมกับโครงกระดูกที่ผุพังอยู่ในโลงหินนั้น

ปราสาทหินที่มีชื่อเสียงอื่นๆ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระราชวัง ได้แก่เทวาลัยสุริยเทพ เทวสถานกากบาท และเทวสถานใหญ่อีกแห่งหนึ่งที่มีภาพแกะสลักน่าชมมากเช่นกัน




ที่ นครเอ็ดซ์นา (Edzná) รัฐคัมเปเช (Campeche) นับเป็นปราสาทหินอีกแห่งหนึ่งที่มีลักษณะแปลกตา กล่าวคือ เป็นเทวาลัยบนฐานเป็นชั้น 5 ชั้น สูง 40 เมตร มีบันไดทางขึ้นด้านหน้า แต่ส่วนฐานนั้นแผ่กว้างมาก และแทนที่จะเป็นฐานทึบอย่างเทวาลัยอื่น ก็มีการตกแต่งโดยในส่วนฐานชั้นล่างสุดนั้นทำเป็นคูหาเข้าไป สลับกับผนังเป็นช่องๆ แต่ละช่องคูหา โดยมีเสากลมสองต้นรับส่วนหลังคา

ฐานชั้นบนๆ ขึ้นไปก็เจาะเป็นคูหาเรียงรายกันสองข้างบันได โดยลดจำนวนคูหาลงตามความสูงของแต่ละชั้นฐาน คิข้างละ 3 คูหา 2 คูหา และคูหาเดียวตามลำดับ บนยอดสุดเป็นหอเทวาลัยรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่เครื่องบนออกแบบตกแต่งอย่างสวยงามเป็นพิเศษ

นครรัฐมายาหลังค.ศ.1000 มีการสร้างเทวสถานในปริมาณที่น้อยลง และการออกแบบก็เรียบง่ายมากขึ้น ไม่วิจิตรตระการตาอย่างในยุคเก่าก่อน เนื่องจากแต่ละเมืองมิได้มีอายุยืนยาวมากนัก

แต่ปราสาทหินที่น่าสนใจในยุคนี้ ก็มีอยูบ้างครับ




เช่น ปราสาทหินซึ่งปัจจุบันเรียกกันว่า เทวาลัยผู้วิเศษ (Temple of the Magician) ที่ อุกซ์มัล (Uxmal) มีความสูงถึงยอดราวๆ 84 ฟุต ซึ่งในส่วนของฐานนั้นทำแปลกกว่าที่อื่น คือมีเพียง 3 ชั้นแต่สูงใหญ่มาก โดยฐานชั้นล่างสุดมีขนาดสูงใหญ่ที่สุด

นอกจากนี้ แนวฐานของเทวาลัยแห่งนี้ยังทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมมน แทนที่จะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าปกติแบบปราสาทหินมายาทั่วำป ชั้นของฐานซึ่งสอบขึ้นเบื้องบน จึงสามารถเลียนแบบภูเขาธรรมชาติได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ แนวบันไดทางขึ้นของเทวสถานแห่งนี้ก็ทำแปลกกว่าที่อื่นด้วยนะครับ

กล่าวคือ ทำเป็นทางขึ้นขนาดใหญ่ทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง แต่บันไดทางขึ้นด้านหน้านั้นขึ้นไปได้เพียงชั้นสอง ก็จะตรงเข้าสู่ช่องประตูอาคารประกอบพิธีกรรมที่ยื่นออกจากหน้าฐานชั้นสอง แล้วสองข้างของอาคารที่ว่านี้ จึงทำเป็นบันไดขนาดย่อมนำขึ้นไปสู่ช่องประตูใหญ่ทางด้านหน้าของเทวาลัยเบื้องบน ซึ่งมีประตูทางเข้าด้านหน้าเพียงด้านเดียว

ส่วนแนวบันไดทางขึ้นด้านหลังนั้น ก็สามารถขึ้นไปได้ถึงเทวาลัยดังกล่าวได้เลยทีเดียว อาคารดังกล่าวนี้ ยังมีสภาพสมบูรณ์ดีทุกประการ
         



เทวสถานแห่งจอมเทพกูกูลคัน (Kukulkán) หรือโบราณสถานซึ่งเรียกกันว่า El Castillo เป็นปราสาทหินที่มีชื่อเสียงที่สุดของ นครชิเชน อิตซา (Chichén Itzá) เทวาลัยแห่งนี้ตั้งอยู่บนฐานเป็นชั้น มีบันไดทางขึ้นด้านหน้าเพียงด้านเดียวหันไปทางทิศเหนือ ที่เชิงบันไดทำเป็นรูปหัวงูยักษ์ประดับด้วยขนนก อันเป็นสัญลักษณ์ของจอมเทพกูกูลคัน

หอเทวาลัยด้านบนมีรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่พื้นภายในอาคารเจาะเป็นช่องลงไปสู่ใจกลางชั้นฐานกว้าง 12 ฟุต มีหลุมศพ 4 หลุมเรียงกันจากด้านบนลงสู่ด้านล่าง โดยพื้นของหลุมศพหลุมที่สี่ซึ่งอยู่ลึกสุด อยู่ระดับเดียวกับพื้นล่างของฐานปราสาทพอดี และเบื้องล่างหลุมศพนั้นลึกลงไปก็ยังมีห้องใต้ดินอยู่อีกด้วยครับ
         
เมื่อพิจารณาจากการที่ในหลุมศพ และห้องเหล่านี้ได้พบโครงกระดูก เครื่องประดับ ภาชนะดินเผา สมบัติล้ำค่า และเครื่องประกอบพิธีกรรมอยู่เป็นอันมาก ก็มีผู้สันนิษฐานว่า เป็นของถวายจอมเทพกูกูลคัน

โดยโครงกระดูกในหลุมศพทั้ง 4 อาจเป็นได้ทั้งชนชั้นสูง หรือนักบวชที่ปรารถนาจะมีสุสานรวมอยู่ในเทวาลัยดังกล่าว หรืออาจเป็นผู้ศรัทธาที่พร้อมจะตาย เพื่อเฝ้าพิทักษ์ของล้ำค่าทั้งหมดในปราสาท

เพราะเหตุว่า องค์จอมเทพไม่ทรงยอมรับการประกอบพิธีกรรม ที่เกี่ยวข้องกับเลือดและความตาย จึงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ที่ศพเหล่านั้นจะเป็นผู้เคราะห์ร้าย ที่ถูกนำมาฆ่าเพื่อบูชาพระองค์
                            
เทวาลัยอันสวยงามและวิจิตรบรรจงเหล่านี้ ล้วนแต่สร้างขึ้นด้วยเครื่องมือหิน นั่นหมายถึงหินทุกก้อนที่ประกอบกันขึ้นเป็นเทวสถานแต่ละแห่ง ตลอดจนภาพสลักแต่ละภาพนั้น ได้รับการสกัดและตกแต่งอย่างแม่นยำ ด้วยเครื่องมือหินแบบธรรมดาๆ เท่านั้น เพราะช่างก่อสร้าง และประติมากรมายาไม่รู้จักเครื่องมือที่เป็นสำริดหรือเหล็ก




ในยุคเสื่อมของอารยธรรมมายา คือสมัย มายาปัน (Mayapán) มีการสร้างปราสาทหินขนาดเล็กเพียงสองสามแห่งเท่านั้น และแสดงให้เห็นฝีมือช่างในระดับต่ำมาก

วัสดุที่นำมาสร้างก็ไม่ได้มาตรฐาน เช่นใช้อิฐเนื้อหยาบคุณภาพต่ำ แทนที่จะใช้หิน โครงสร้างแต่ละจุดไม่แข็งแรง การตกแต่งภายนอกภายในทำอย่างลวกๆ ไม่มีความละเอียดประณีต แสดงถึงนโยบายของผู้นำในยุคเสื่อมอย่างแท้จริง


...................................


หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด


No comments:

Post a Comment